Opac คืออะไร
Opac และ Web Opac หมายถึง การสืบค้นสารนิเทศทางบรรณานุกรมของสื่อสารที่มีการให้บริการในห้องสมุดผ่านอินทราเน็ต หรืออินเตอร์เน็ต จากฐานข้อมูลห้องสมุดอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ได้โดยการสืบค้นผ่านระบบออนไลน์ของห้องสมุดจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถสืบค้นสารสนเทศจากชื่อผู้แต่ง (Author) ชื่อเรื่อง (Title) เลขหมู่หนังสือ (Call Number) หัวเรื่อง (Subject) คำสำคัญ (Keyword) ชื่อชุด (Series) เลขมาตรฐานสากลวารสาร/หนังสือ/เลขเรียกหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน (ISSN/ISBN/LCCN)
นอกจากนี้ยังสามรถใช้เทคนิกการสืบค้นแบบตรรกบูลิน (Boolean Logic) การตัดคำ (Truncation) การจำกัดขอบเขตข้อมูลการสืบค้น (Filed Searching) การสืบค้นด้วยปีที่พิมพ์ (Date Searching) ภาษา (Languager) ชื่อสำนักพิมพ์ (Publisher) และประเภทของสารสนเทศ (Type Of Information) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับซอร์ฟแวร์และการออกแบบห้องสมุดอัตโนมัติด้วย
ระบบ Opac มีระบบพื้นฐาน 4 ส่วน คือ
1. ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) ประกอบด้วย
- ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
- ซอร์ฟแวร์ (Sofeware)
- อุปกรณ์นำเข้าจ้อมูล (Input Devices)
- อุปกรณ์แสดงผลข้อมูล (Output Devices)
2. ฐานข้อมูล (Database) ฐานข้อมูลเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของระบบออนไลน์ ซึ่งประกอบด้วย
- แฟ้มข้อมูลบรรณานุกรม (Bibleographical File)
- แฟ้มข้อมูลรายการหลักฐาน (Authority File)
- แฟ้มข้อมูลผกผัน (Inverted File)
โดยมีรายละเอียดดังนี้
แฟ้มข้อมูลบรรณานุกรม เป็นแฟ้มสำหรับจัดเก็บรายการบรรณานุกรมไว้ในรูปแบบที่เครื่องอ่านได้ (MARC Format) ประกอบด้วยเขตข้อมูลหลัก และเขตข้อมูลย่อยซึ่งมีกำหนดว่าเขตข้อมูลใดจะจัดทำดัชนี หรือใช้เป็นจุดเข้าถึง (Access Point) ได้บ้าง
แฟ้มรายการหลักฐานเป็นแฟ้มสำหรับจัดเก็บ และตรวจสอบแก้ไขมาตารฐานของรายการบรรณานุกรมซึ่งแฟ้มรายการหลักนี้จะควบคุมระบบการสืบค้นให้มีประสิทธิภาพ
แฟ้มข้อมูลผกผัน เป็นแฟ้มข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้กลยุทธ์ในการสืบค้นที่ซับซ้อนได้รวดเร็วขึ้นโดยการดึงข้อมูลมาจากแฟ้มข้อมูลบรรณานุกรม ซึ่งแต่ละรายการจะมีสัญลักษณ์ระบุไว้เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึง แฟ้มข้อมูลผกผันทำงานตลอดเวลาที่มีการสืบค้นในขณะที่แฟ้มข้อมูลบรรณานุกรมทำงานเมื่อมีการแสดงผลการสืบค้นหรือมีการพิมพ์ผลการสืบค้น
3. ผู้ใช้ (User) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของระบบสารสนเทศ ความสำเร็จของการสืบค้นสารสนเทศขึ้นอยู่กับทักษะและภูมิหลังของผู้ใช้ ดังนั้นจึงควรมีการศึกษาพฤติกรรมการสืบค้น เช่น ความรู้เกี่ยวกับหัวเรื่อง ทักษะการใช้แป้นพิมพ์ การสะกดคำ รวมทั้งมโนทัศน์ในการสืบค้นที่ยืดหยุ่นได้เมื่อมีปัญหาการสืบค้น
4.ระบบการเชื่อมสานระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interface) เป็นระบบที่เน้นหนักที่รูปแบบการเชื่อมประสาน หรือภาษาที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สืบค้นสารสนเทศได้ง่ายขึ้น และลดความผิดพลาดของผู้ใช้ รวมทั้งได้รับผลการสืบค้นที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งปัจจุบันการเชื่อมประสานกับคอมพิวเตอร์ หรือเมาส์จะแสดงผลทางหน้าจอทันที ซึ่งรูปแบบการเชื่อมประสาน มีอยู่ 3รูปแบบ คือ
4.1 การเชื่อมประสานแบบเมนู (Menu Interface) คอมพิวเตอร์ของห้องสมุดจะแสดงรายการคำสั่ง โดยแต่ละรายการมีการกำหนดตัวอักษรบนแป้นเป็นตัวชี้บอกให้ผู้ใช้ได้เลือกเคาะแป้นพิมพ์ป้อนคำสั่งตามที่ต้องการโดยใช้เครื่องหมายลูกศร ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา
4.2 การเชื่อมประสานแบบใช้คำสั่ง (Command Oriented Interface) การเชื่อมประสานเหล่านี้ผู้ใช้ต้องพิมพ์คำสั่งที่ต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่พื้นที่ในการรับคำสั่งจะอยู่แถวล่างสุดของจอภาพ และพื้นที่ที่เหลือของหน้าจอ อธิบายวิธีการใช้คำสั่ง การเชื่อมประสานแบบนี้ผู้ใช้ต้องจำคำสั่งและโครงสร้างของไวยากรณ์ให้ได้
ข้อดีคือสามารถกำหนดคำสั่งให้ซับซ้อนกว่าระบบเมนูโดยเฉพาะการสืบค้นเทคนิกแบบตรรกบู
ลิน ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดคำเชื่อมได้มากกว่า
4.3 การเชื่อมประสานแบบภาพ (Graphic User Interface) เป็นการเชื่อมประสานด้วยรูปภาพโดยใช้ Icon, Scrollbars, Pull-down, Menu Mutiple, Window เป็นการทำงานด้วยระบบ Window เป็นหลัก ผู้ใช้ป้อนสำสั่งโดยการใช้เมาส์ให้ดำเนินการสืบค้นสารนิเทศ
อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ กล่าวถึง องค์ประกอบการสืบค้น OPAC ไว้ว่า ไม่ว่าการสืบค้นจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม ส่วนมากจะประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้
1. ข้อมูลที่ใช้ในการค้นหาเอกสารและการจัดเรียง หรือจัดเอกสารในห้องสมุด เช่นเลขเรียกหนังสือ
2. ข้อมูลที่เป็นดรรชนี (Index Terms) หรือคำสืบค้น (Access Points) ได้แก่ชื่อผู้รับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานนั้น เช่น ผู้แต่ง ผู้แปล ผู้วาดภาพประกอบ
บรรณาธิการ ฯลฯ หรือชื่อเรียกเอกสาร ตลอดจนคำสำคัญที่ปรากฏในส่วนข้อมูลทางบรรณานุกรมหรือหัวเรื่องที่ห้องสมุดกำหนดขึ้นโดยใช้คู่มือในการกำหนดหัวเรื่อง
3. ข้อมูลทางบรรณานุกรมของเอกสาร ห้องสมุดส่วนใหญ่มักใช้มาตรฐานการลงรายการทางบรรณานุกรมตามหลักเกณฑ์การลงรายการแบบแองโกลอเมริกัน ซึ่งปัจจุบันเป็นฉบับพิมพ์ครังที่ 2 (Anglo-American Cataloguing Rules, Second Edition-AACR2, 1988 Revision ) เป็นแนนทางในการปฏิบัติงาน รูปแบบทางบรรณานุกรมของเอกสารตาม AACR มี 8 ส่วน แต่ละส่วนเรียงลำดับดังนี้
ลำดับรูปแบบทางบรรณานุกรมของเอกสารตาม AACR
- ชื่อเรื่องและข้อความระบุผู้รับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานนั้น
- ฉบับพิมพ์
- รายละเอียดเฉพาะของเอกสาร
- ข้อมูลการจัดพิมพ์ การเผยแพร่
- ลักษณะกายภาพของเอกสารนั้นๆ
- ชื่อชุด
- รายการหมายเหตุ
- เลขมาตรฐานประจำเอกสาร
สรุปได้ว่าองค์ประกอบของ OPAC และ Web Opac คือระบบคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูล ผู้ใช้ และระบบการเชื่อมประสานระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้องค์ประกอบที่สำคัญของ OPAC ที่ช่วยในการสืบค้นสารนิเทศคือ ซอร์ฟแวร์ของห้องสมุด การจัดทำดรรชนี การกำหนดคำศัพท์การสืบค้น ฯลฯ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และตรงกับความต้องการมากที่สุด
ข้อดีของ OPAC และ Web OPAC
OPAC และ Web Opac มีข้อดีในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการสืบค้นสารสนเทศ ดังนี้
- วิธีการเข้าถึงรายการต่างๆ ของหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ของห้องสมุดทำได้กว้างขวางกว่ารายการรูปแบบอื่นๆ และทำให้ผู้ใช้สามารถสืบค้นสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
- เทคนิคการสืบค้นสารนิเทศแบบต่างๆ ช่วยสืบค้นหัวเรื่องที่ซับซ้อนได้ง่าย
- ประหยัดเวลา และได้รับความสะดวกรวดเร็วในการสืบค้นสารนิเทศ
- สามารถสืบค้นสารนิเทศจากเทอร์มินัลซึ่งอยู่ห่างไกลจากห้องสมุด ซึ่งทำให้ระบบเข้าถึงรายการเป็นรูปของการกระจาย (Decentralized) มากขึ้น
- สามารถรวบรวมข้อมูลที่ต้องการได้อย่างครบถ้วน
- มีความยืดหยุ่นที่สามารถเพิ่มหรือลบรายการต่างๆ ได้โดยไม่กระทบรายการอื่น
- มีความเป็นปัจจุบันมากกว่ารายการอื่น สามารถเพิ่มเติมทรัพยากรสารนิเทศรูปแบบใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการลงฐานข้อมูลได้ง่าย และรวดเร็ว
- เป็นระบบที่มีความยืดยุ่นในการสืบค้นสารนิเทศต่างๆในฐานข้อมูลได้มากกว่ารายการรูปแบบอื่นๆ
- เป็นระบบที่มีการโต้ตอบ (Interaction) เป็นการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์และรายการทรัพยากรสารสนเทศของแหล่งสารสนเทศ และผู้ใช้จะได้รับการตอบที่รวดเร็ดเร็ว
- ผู้ใช้สามารถเข้าถึงรายการบรรณานุกรม (Online Catalogs) โดยผ่านเครื่องปลายทางซึ่งติดตั้งไว้ภายในที่ต่างๆของสารนิเทศ
- ง่ายต่อการใช้และการเรียนรู้การใช้ระบบ (User Friendly) เพราะมีคำแนะนำในการใช้ระบบอยู่ในฐานข้อมูล ซึ่งผู้ใช้สามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง
- รายการต่างๆที่สืบค้นได้จากฐานข้อมูล แสดงให้เห็นบนหน้าจอภาพจากแหล่งสารสนเทศ
- สามารถตรวจสอบประวัติผู้ใช้ เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ รวมทั้งค่าปรับ และวันที่กำหนดส่ง
- สามารถจองและยกเลิกสารสนเทศที่ต้องการได้ และดูสถานภาพของสารสนเทศได้
- สามารถบันทึกรายการบรรณานุกรมที่ต้องการลงในแฟ้มข้อมูล
ข้อจำกัดของ OPAC และ Web OPAC
ทุกระบบมีข้อจำกัด จะมีมากมีน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับซอร์ฟแวร์ของห้องสมุดอัตโนมัตินั้นๆ ว่ามีการออกแบบระบบตรงกับความต้องการ และมีความเหมาะสมตรงกับสถาบันบริการสารสนเทศหรือไม่ ข้อเสียของระบบมีดังนี้
- การนำระบบ Opac และ Web Opac เข้ามาใช้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ
- เนื่องจากระบบ Opac และ Web Opac มีการดำเนินงานด้วยคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ขัดข้องการสืบค้นก็จะหยุดชะงักไปด้วย
- ถ้าผู้ใช้ขาดความชำนาญในเรื่องระบบหรือด้านคอมพิวเตอร์จะทำให้ใช้งานระบบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการดูแลรักษาระบบ
แหล่งที่มา วัชรีย์พร คุณสนอง . พฤติกรรมและปัญหาในการสืบค้นข้อมูลสื่อโสตทัศน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในระบบ Web Opac ของผู้ใช้บริการสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยบูรพา : สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยบูรพา, 2549
http://mulic.comuf.com/index.php?option=com_content&view=category&id=36&Itemid=11
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น