วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความหมายของ Opac และ Web Opac

Opac คืออะไร

              Opac และ Web Opac หมายถึง การสืบค้นสารนิเทศทางบรรณานุกรมของสื่อสารที่มีการให้บริการในห้องสมุดผ่านอินทราเน็ต หรืออินเตอร์เน็ต จากฐานข้อมูลห้องสมุดอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ได้โดยการสืบค้นผ่านระบบออนไลน์ของห้องสมุดจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถสืบค้นสารสนเทศจากชื่อผู้แต่ง (Author) ชื่อเรื่อง (Title) เลขหมู่หนังสือ (Call Number) หัวเรื่อง (Subject) คำสำคัญ (Keyword) ชื่อชุด (Series) เลขมาตรฐานสากลวารสาร/หนังสือ/เลขเรียกหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน (ISSN/ISBN/LCCN)
               นอกจากนี้ยังสามรถใช้เทคนิกการสืบค้นแบบตรรกบูลิน (Boolean Logic) การตัดคำ (Truncation) การจำกัดขอบเขตข้อมูลการสืบค้น (Filed Searching) การสืบค้นด้วยปีที่พิมพ์ (Date Searching) ภาษา (Languager) ชื่อสำนักพิมพ์ (Publisher) และประเภทของสารสนเทศ (Type Of Information) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับซอร์ฟแวร์และการออกแบบห้องสมุดอัตโนมัติด้วย

ระบบ Opac มีระบบพื้นฐาน 4 ส่วน คือ

             1. ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System)  ประกอบด้วย
                        - ฮาร์ดแวร์ (Hardware)  
                        - ซอร์ฟแวร์ (Sofeware) 
                        - อุปกรณ์นำเข้าจ้อมูล (Input Devices)
                        - อุปกรณ์แสดงผลข้อมูล (Output Devices)
             2. ฐานข้อมูล (Database) ฐานข้อมูลเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของระบบออนไลน์  ซึ่งประกอบด้วย
                        - แฟ้มข้อมูลบรรณานุกรม (Bibleographical File)
                        - แฟ้มข้อมูลรายการหลักฐาน (Authority File)
                        - แฟ้มข้อมูลผกผัน (Inverted File)
   โดยมีรายละเอียดดังนี้
                แฟ้มข้อมูลบรรณานุกรม เป็นแฟ้มสำหรับจัดเก็บรายการบรรณานุกรมไว้ในรูปแบบที่เครื่องอ่านได้ (MARC Format) ประกอบด้วยเขตข้อมูลหลัก และเขตข้อมูลย่อยซึ่งมีกำหนดว่าเขตข้อมูลใดจะจัดทำดัชนี หรือใช้เป็นจุดเข้าถึง (Access Point) ได้บ้าง
                แฟ้มรายการหลักฐานเป็นแฟ้มสำหรับจัดเก็บ และตรวจสอบแก้ไขมาตารฐานของรายการบรรณานุกรมซึ่งแฟ้มรายการหลักนี้จะควบคุมระบบการสืบค้นให้มีประสิทธิภาพ
                แฟ้มข้อมูลผกผัน เป็นแฟ้มข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้กลยุทธ์ในการสืบค้นที่ซับซ้อนได้รวดเร็วขึ้นโดยการดึงข้อมูลมาจากแฟ้มข้อมูลบรรณานุกรม ซึ่งแต่ละรายการจะมีสัญลักษณ์ระบุไว้เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึง แฟ้มข้อมูลผกผันทำงานตลอดเวลาที่มีการสืบค้นในขณะที่แฟ้มข้อมูลบรรณานุกรมทำงานเมื่อมีการแสดงผลการสืบค้นหรือมีการพิมพ์ผลการสืบค้น
               3. ผู้ใช้ (User) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของระบบสารสนเทศ ความสำเร็จของการสืบค้นสารสนเทศขึ้นอยู่กับทักษะและภูมิหลังของผู้ใช้ ดังนั้นจึงควรมีการศึกษาพฤติกรรมการสืบค้น เช่น ความรู้เกี่ยวกับหัวเรื่อง ทักษะการใช้แป้นพิมพ์ การสะกดคำ รวมทั้งมโนทัศน์ในการสืบค้นที่ยืดหยุ่นได้เมื่อมีปัญหาการสืบค้น
               4.ระบบการเชื่อมสานระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์ (Human Computer Interface) เป็นระบบที่เน้นหนักที่รูปแบบการเชื่อมประสาน หรือภาษาที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สืบค้นสารสนเทศได้ง่ายขึ้น และลดความผิดพลาดของผู้ใช้ รวมทั้งได้รับผลการสืบค้นที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งปัจจุบันการเชื่อมประสานกับคอมพิวเตอร์ หรือเมาส์จะแสดงผลทางหน้าจอทันที ซึ่งรูปแบบการเชื่อมประสาน มีอยู่ 3รูปแบบ คือ
                            4.1 การเชื่อมประสานแบบเมนู (Menu Interface) คอมพิวเตอร์ของห้องสมุดจะแสดงรายการคำสั่ง โดยแต่ละรายการมีการกำหนดตัวอักษรบนแป้นเป็นตัวชี้บอกให้ผู้ใช้ได้เลือกเคาะแป้นพิมพ์ป้อนคำสั่งตามที่ต้องการโดยใช้เครื่องหมายลูกศร ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา
                            4.2 การเชื่อมประสานแบบใช้คำสั่ง (Command Oriented Interface) การเชื่อมประสานเหล่านี้ผู้ใช้ต้องพิมพ์คำสั่งที่ต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่พื้นที่ในการรับคำสั่งจะอยู่แถวล่างสุดของจอภาพ และพื้นที่ที่เหลือของหน้าจอ อธิบายวิธีการใช้คำสั่ง การเชื่อมประสานแบบนี้ผู้ใช้ต้องจำคำสั่งและโครงสร้างของไวยากรณ์ให้ได้
            ข้อดีคือสามารถกำหนดคำสั่งให้ซับซ้อนกว่าระบบเมนูโดยเฉพาะการสืบค้นเทคนิกแบบตรรกบู
ลิน ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดคำเชื่อมได้มากกว่า
                            4.3 การเชื่อมประสานแบบภาพ (Graphic User Interface) เป็นการเชื่อมประสานด้วยรูปภาพโดยใช้ Icon, Scrollbars, Pull-down, Menu Mutiple, Window เป็นการทำงานด้วยระบบ Window เป็นหลัก ผู้ใช้ป้อนสำสั่งโดยการใช้เมาส์ให้ดำเนินการสืบค้นสารนิเทศ

                     อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ กล่าวถึง องค์ประกอบการสืบค้น OPAC ไว้ว่า ไม่ว่าการสืบค้นจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม ส่วนมากจะประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้
                             1. ข้อมูลที่ใช้ในการค้นหาเอกสารและการจัดเรียง หรือจัดเอกสารในห้องสมุด เช่นเลขเรียกหนังสือ 
                             2. ข้อมูลที่เป็นดรรชนี (Index Terms) หรือคำสืบค้น (Access Points) ได้แก่ชื่อผู้รับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานนั้น เช่น ผู้แต่ง ผู้แปล ผู้วาดภาพประกอบ
บรรณาธิการ ฯลฯ หรือชื่อเรียกเอกสาร ตลอดจนคำสำคัญที่ปรากฏในส่วนข้อมูลทางบรรณานุกรมหรือหัวเรื่องที่ห้องสมุดกำหนดขึ้นโดยใช้คู่มือในการกำหนดหัวเรื่อง
                             3. ข้อมูลทางบรรณานุกรมของเอกสาร ห้องสมุดส่วนใหญ่มักใช้มาตรฐานการลงรายการทางบรรณานุกรมตามหลักเกณฑ์การลงรายการแบบแองโกลอเมริกัน ซึ่งปัจจุบันเป็นฉบับพิมพ์ครังที่ 2 (Anglo-American Cataloguing Rules, Second Edition-AACR2, 1988 Revision ) เป็นแนนทางในการปฏิบัติงาน รูปแบบทางบรรณานุกรมของเอกสารตาม AACR มี 8 ส่วน แต่ละส่วนเรียงลำดับดังนี้
             ลำดับรูปแบบทางบรรณานุกรมของเอกสารตาม AACR
                             - ชื่อเรื่องและข้อความระบุผู้รับผิดชอบในการสร้างสรรค์ผลงานนั้น
                             - ฉบับพิมพ์
                             - รายละเอียดเฉพาะของเอกสาร
                             - ข้อมูลการจัดพิมพ์  การเผยแพร่
                             - ลักษณะกายภาพของเอกสารนั้นๆ
                             - ชื่อชุด
                             - รายการหมายเหตุ
                             - เลขมาตรฐานประจำเอกสาร

               สรุปได้ว่าองค์ประกอบของ OPAC และ Web Opac คือระบบคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูล ผู้ใช้ และระบบการเชื่อมประสานระหว่างผู้ใช้กับคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้องค์ประกอบที่สำคัญของ OPAC ที่ช่วยในการสืบค้นสารนิเทศคือ ซอร์ฟแวร์ของห้องสมุด การจัดทำดรรชนี การกำหนดคำศัพท์การสืบค้น ฯลฯ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และตรงกับความต้องการมากที่สุด

                ข้อดีของ OPAC และ Web OPAC
                    OPAC และ Web Opac มีข้อดีในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการสืบค้นสารสนเทศ ดังนี้ 
                          - วิธีการเข้าถึงรายการต่างๆ ของหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ของห้องสมุดทำได้กว้างขวางกว่ารายการรูปแบบอื่นๆ และทำให้ผู้ใช้สามารถสืบค้นสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
                          - เทคนิคการสืบค้นสารนิเทศแบบต่างๆ ช่วยสืบค้นหัวเรื่องที่ซับซ้อนได้ง่าย
                          - ประหยัดเวลา และได้รับความสะดวกรวดเร็วในการสืบค้นสารนิเทศ
                          - สามารถสืบค้นสารนิเทศจากเทอร์มินัลซึ่งอยู่ห่างไกลจากห้องสมุด  ซึ่งทำให้ระบบเข้าถึงรายการเป็นรูปของการกระจาย (Decentralized) มากขึ้น
                          - สามารถรวบรวมข้อมูลที่ต้องการได้อย่างครบถ้วน
                          - มีความยืดหยุ่นที่สามารถเพิ่มหรือลบรายการต่างๆ ได้โดยไม่กระทบรายการอื่น
                          - มีความเป็นปัจจุบันมากกว่ารายการอื่น สามารถเพิ่มเติมทรัพยากรสารนิเทศรูปแบบใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการลงฐานข้อมูลได้ง่าย และรวดเร็ว
                          - เป็นระบบที่มีความยืดยุ่นในการสืบค้นสารนิเทศต่างๆในฐานข้อมูลได้มากกว่ารายการรูปแบบอื่นๆ
                          - เป็นระบบที่มีการโต้ตอบ (Interaction) เป็นการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์และรายการทรัพยากรสารสนเทศของแหล่งสารสนเทศ และผู้ใช้จะได้รับการตอบที่รวดเร็ดเร็ว
                          - ผู้ใช้สามารถเข้าถึงรายการบรรณานุกรม (Online Catalogs) โดยผ่านเครื่องปลายทางซึ่งติดตั้งไว้ภายในที่ต่างๆของสารนิเทศ

                          - ง่ายต่อการใช้และการเรียนรู้การใช้ระบบ (User Friendly) เพราะมีคำแนะนำในการใช้ระบบอยู่ในฐานข้อมูล ซึ่งผู้ใช้สามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง
                          - รายการต่างๆที่สืบค้นได้จากฐานข้อมูล แสดงให้เห็นบนหน้าจอภาพจากแหล่งสารสนเทศ
                          - สามารถตรวจสอบประวัติผู้ใช้ เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ รวมทั้งค่าปรับ และวันที่กำหนดส่ง
                          - สามารถจองและยกเลิกสารสนเทศที่ต้องการได้ และดูสถานภาพของสารสนเทศได้
                          - สามารถบันทึกรายการบรรณานุกรมที่ต้องการลงในแฟ้มข้อมูล

                ข้อจำกัดของ OPAC และ Web OPAC
                     ทุกระบบมีข้อจำกัด จะมีมากมีน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับซอร์ฟแวร์ของห้องสมุดอัตโนมัตินั้นๆ ว่ามีการออกแบบระบบตรงกับความต้องการ และมีความเหมาะสมตรงกับสถาบันบริการสารสนเทศหรือไม่ ข้อเสียของระบบมีดังนี้
                            - การนำระบบ Opac และ Web Opac เข้ามาใช้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ
                            - เนื่องจากระบบ Opac และ Web Opac มีการดำเนินงานด้วยคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ขัดข้องการสืบค้นก็จะหยุดชะงักไปด้วย
                            - ถ้าผู้ใช้ขาดความชำนาญในเรื่องระบบหรือด้านคอมพิวเตอร์จะทำให้ใช้งานระบบได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
                            - ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการดูแลรักษาระบบ

แหล่งที่มา   วัชรีย์พร คุณสนอง . พฤติกรรมและปัญหาในการสืบค้นข้อมูลสื่อโสตทัศน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในระบบ Web Opac ของผู้ใช้บริการสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยบูรพา : สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยบูรพา, 2549
                    http://mulic.comuf.com/index.php?option=com_content&view=category&id=36&Itemid=11
                  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น